การเยือนที่ยั่งยืนนาน

การเยือนที่ยั่งยืนนาน

วันที่นำเข้าข้อมูล 21 เม.ย. 2565

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 21 เม.ย. 2565

| 773 view

การเยือนที่ยั่งยืนนาน:

สานต่อพระราชปณิธานการเสด็จฯ เยือนกรุงธากาและเมืองจิตตะกองของ

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อปี ๒๕๐๕

มาฆวดี สุมิตรเหมาะ

เอกอัครราชทูต ณ กรุงธากา

          สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศเป็นประเทศมุสลิมที่มีชุมชนชาวพุทธอยู่ประมาณกว่าล้านคนและมีวัดตั้งอยู่ในหลายเมือง วัดที่ใหญ่ที่สุดในกรุงธากา เมืองหลวงของบังกลาเทศ คือ วัดธรรมราชิกพุทธมหาวิหาร (วัดธรรมราชิกา) ตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟกมลาปูร์  ซึ่งเป็นสถานีรถไฟหลักประจำเมือง ผู้มาเยือนทุกคนที่เดินเข้าไปในอาคารหลักของวัดธรรมราชิกพุทธมหาวิหาร (วัดธรรมราชิกา) จะต้องเดินผ่านระเบียงที่ประดับด้วยภาพถ่ายพระเถระและบุคคลสำคัญมากมาย หนึ่งในนั้นเป็นภาพพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อครั้งเสด็จฯ ไปยังวัดแห่งนี้เมื่อปี ๒๕๐๕ และเป็นภาพที่เจ้าหน้าที่ของวัดเชิญชวนคนไทยทุกคณะที่ไปวัดให้ได้ชื่นชมด้วยความภาคภูมิใจ

Dharmarajika_Monastery

พระวิสุทธนันท์มหาเถร เจ้าอาวาสวัดธรรมราชิกา รับเสด็จพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

          เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ในครั้งนั้นซึ่งครบ ๖๐ ปี ในปีนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการเสด็จ ฯ เยือนกรุงธากาและเมืองจิตตะกอง ระหว่างวันที่ ๒๐ - ๒๒ มีนาคม ๒๕๐๕ เมื่อครั้งที่สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศยังเป็นส่วนหนึ่งของสาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน ในฐานะปากีสถานตะวันออก

          การเยือนในระดับประมุขประเทศเป็นการแลกเปลี่ยนสัมพันธไมตรีและความปรารถนาดีระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศในระดับสูงสุด ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระองค์ทรงอุทิศเวลาส่วนใหญ่ทรงงานในประเทศไทย เพื่อช่วยเหลือราษฎรให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ในขณะเดียวกัน ทรงเล็งเห็นความสำคัญของการส่งเสริมความสัมพันธ์กับมิตรในต่างแดน และได้เสด็จฯ เยือนต่างประเทศกว่า ๓๐ ประเทศ ในช่วงระหว่างปี ๒๕๐๒ – ๒๕๑๓

K_Bhumibol_at_airport

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จฯ ถึงท่าอากาศยานกรุงธากา

          หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรทรงครองราชย์เมื่อปี ๒๔๘๙  ขณะทรงเจริญพระชนมพรรษา ๑๘ พรรษา พระองค์ก็ไม่ได้เสด็จ ฯ ไปต่างประเทศอีกเลย  กระทั่งเมื่อปี ๒๕๐๒  พระบาทสมเด็จพระเจ้าบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้เสด็จ ฯ เยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (ซึ่งในขณะนั้นเป็นประเทศเวียดนามใต้) อย่างเป็นทางการเป็นประเทศแรก หลังจากนั้น ได้เสด็จ ฯ เยือนประเทศต่าง ๆ ในทวีปยุโรปอีกหลายประเทศ รวมถึงได้เสด็จ ฯ เยือนสาธารณรัฐอิสลามปากีสถานในปี ๒๕๐๕ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง หมายกำหนดการได้รวมถึงการเสด็จ ฯ เยือนกรุงธากาและเมืองจิตตะกองในฝั่งปากีสถานตะวันออก นับเป็นครั้งแรกที่พระมหากษัตริย์ไทยทรงเป็นอาคันตุกะในดินแดนที่ในเวลาต่อมาเป็นสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ อย่างไรก็ดี พระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรกที่ได้เสด็จ ฯ เยือนแผ่นดินเบงกอล ซึ่งหมายถึงดินแดนของชาวเบงกาลีที่ในปัจจุบันครอบคลุมบังกลาเทศและรัฐเบงกอลตะวันตกในอินเดีย  คือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเสด็จ ฯ เยือนสาธารณรัฐอินเดียเมื่อปี ๒๔๑๔ โดยเริ่มต้นที่เมืองโกลกาตา ในเวลานั้น บังกลาเทศและรัฐเบงกอลตะวันตกของอินเดียยังรวมกันเป็นรัฐเบงกอลที่มั่งคั่งในฐานะอาณานิคมอังกฤษ โดยมีโกลกาตาเป็นเมืองหลวง ก่อนที่จะถูกอังกฤษแบ่งเป็นสองส่วนเมื่อปี ๒๔๔๘ กลายเป็นเบงกอลตะวันตกและเบงกอลตะวันออก ทั้งโกลกาตาและธากาต่างเป็นเมืองสำคัญของเบงกอล ประชาชนใช้ภาษาเบงกาลีเช่นเดียวกัน

          ทางการปากีสถานตะวันออกได้จัดเตรียมหมายกำหนดการ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงพบปะและมีพระราชปฏิสันถารกับผู้คนหลากหลายกลุ่ม และขอพระราชทานกราบบังคมทูลเชิญเสด็จ ฯ ไปยังสถานที่สำคัญหลายแห่ง  เช่น สวนสาธารณะ Ramna ซึ่งมีชาวเมืองธากาเฝ้า ฯ รับเสด็จเป็นจำนวนมาก และที่หน้าศาลาว่าการเมืองจิตตะกอง ก็มีชาวเมืองจิตตะกองเฝ้าฯ รับเสด็จเป็นจำนวนมากเช่นกัน  รวมทั้งได้กราบบังคมทูลเชิญเสด็จ ฯ ไปทอดพระเนตรโรงงานทอกระสอบ Adam Jute Mills ซึ่งเป็นโรงงานกระสอบที่ใหญ่ที่สุดในโลกในเวลานั้น และประทับเรือพระที่นั่ง Mary Anderson จากโรงงานดังกล่าวไปยังเมืองนารายณคันช์

          พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต นางสนองพระโอษฐ์ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงบันทึกไว้ว่าทางการบังกลาเทศได้จัดงานเลี้ยงรับรองถวายที่ดาดฟ้าของเรือพระที่นั่ง Mary Anderson ซึ่งเป็นเรือไม่มีเครื่องยนต์  จึงต้องใช้เรือยนต์ M.V. Mary ลากจูง นอกจากนี้ ก่อนที่จะประทับเรือพระที่นั่ง Mary Anderson  ทางการบังกลาเทศได้นำปลาที่พบได้ชุกชุมในเบงกอล อาทิ ปลากะพง และปลาดุก มาจัดแสดงให้ทอดพระเนตรถึงความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเลด้วย

People_welcoming

ประชาชนที่มารับเสด็จ

          ปัจจุบันนี้ นอกจากภาพถ่ายแล้ว ก็ยังคงเหลือสถานที่ไม่กี่แห่งและสิ่งของไม่กี่ชิ้นจากการเสด็จ ฯ ในครั้งนั้น ที่ยังคงอยู่ในสภาพเดิม ทั้งโรงงานกระสอบ Adamjee Jute Mills และเรือพระที่นั่ง Mary Anderson ต่างเหลือแต่ชื่อไว้เป็นอนุสรณ์ โรงงานดังกล่าวถูกยึดเป็นของรัฐและประสบปัญหาขาดทุนจนต้องปิดกิจการเมื่อปี ๒๕๔๕  ต่อมากลายเป็นที่ตั้งของเขตส่งเสริมการส่งออก Adamjee Export Processing Zone ส่วนเรือพระที่นั่ง Mary Anderson รัฐบาลได้มอบให้แก่บริษัท Bangladesh Parjatan Corporation ซึ่งเป็นวิสาหกิจด้านท่องเที่ยวของรัฐ  ใช้เป็นภัตตาคารลอยน้ำตั้งแต่เมื่อปี ๒๕๒๑ จนกระทั่งเรือถูกไฟไหม้ในปี ๒๕๕๗

          อย่างไรก็ดี สิ่งที่สำคัญเหนือวัตถุใด ๆ  ก็คือ มิตรภาพที่ยั่งยืนและความเข้าใจระหว่างกัน ซึ่งได้รับการบ่มเพาะและทำนุบำรุงมาตั้งแต่เมื่อครั้งการเสด็จ ฯ เยือนดังกล่าว ต่อเนื่องถึงเมื่อสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศเป็นเอกราชและสืบทอดจนถึงปัจจุบัน สามสิบปีภายหลังจากการเสด็จ ฯ ในครั้งนั้น  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จ ฯ เยือนสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศอย่างเป็นทางการ เมื่อปี ๒๕๓๕  ตามรอยเบื้องพระยุคลบาทของสมเด็จพระบรมชนกนาถและสมเด็จพระบรมราชชนนี  เมื่อครั้งทรงดำรงพระราชอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จ ฯ ไปทอดพระเนตรสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และธรรมชาติหลายแห่งทั่วประเทศ ถือเป็นหน้าประวัติศาสตร์ที่สำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ

          สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จ ฯ เยือนสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศมาแล้ว ๓ ครั้ง ทรงมีโครงการความร่วมมือกับบังกลาเทศด้านการพัฒนาเด็กและเยาวชน และด้านการเผยแพร่หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและการถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร เมื่อปี ๒๕๖๑ ได้ทรงเปิดศูนย์สาธิตและประชาสัมพันธ์การปลูกหญ้าแฝกที่เมืองจิตตะกอง ซึ่งเป็นโครงการที่อยู่ในความดูแลของมูลนิธิชัยพัฒนา เพื่อแบ่งปันองค์ความรู้เกี่ยวกับการปลูกหญ้าแฝกเพื่อป้องกันปัญหาดินถล่ม

           ในขณะเดียวกัน  ทางการบังกลาเทศได้สนับสนุนโครงการในพระราชดำริในประเทศไทยด้วยเช่นกัน โดยเมื่อปี ๒๕๕๓ รัฐบาลบังกลาเทศได้น้อมเกล้าฯ ถวายแพะพันธุ์แบล็ก เบงกอล จำนวน ๓ ตัวแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งได้พระราชทานให้แก่มูลนิธิชัยพัฒนาและมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงนำไปเลี้ยงและขยายพันธุ์ เพื่อนำลูกแพะไปแจกให้แก่ชาวบ้านเลี้ยงเป็นรายได้เสริมต่อไปโครงการประสบความสำเร็จด้วยดีและสามารถแจกแพะพันธุ์แบล็ก เบงกอลนับร้อยตัวแก่ครอบครัวต่าง ๆ ได้โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ

King_Bhumibol_at_Civil_reception

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
พระราชทานพระราชดำรัสแก่ประชาชนที่มาเข้าเฝ้า ฯ

          ความตอนหนึ่งในพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานแก่ประชาชนชาวธากา ที่มาเฝ้า ฯ รับเสด็จ ที่สวนสาธารณะ Ramna  สรุปได้ว่ากรุงธากางดงามสมคำสรรเสริญของนักเดินทางทั้งหลายที่ขนานนามให้เป็น “เมืองราชินีแห่งบูรพทิศ”
โดยทรงเชื่อมั่นอย่างแน่แท้ว่าความเคารพนับถือระหว่างกันจะนำไปสู่การเสริมสร้างสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างทั้งสองประเทศสืบไป

          หกสิบปีหลังจากที่ทรงมีพระราชดำรัสข้างต้น ความทรงจำของบุคคลที่เกี่ยวข้องอาจจะเลือนรางหายไปตามกาลเวลา  แต่ผลแห่งความเจริญงอกงามของการเสด็จฯ เยือนเมื่อปี ๒๕๐๕  ยังดำรงอยู่อย่างมั่นคง
ทั้งยังได้สร้างคุณูปการแก่สัมพันธไมตรีระหว่างไทยกับบังกลาเทศอย่างไม่สิ้นสุด  เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า การเสด็จ ฯ เยือนในระดับประมุขประเทศ และพระบรมวงศานุวงศ์ ได้บรรลุผลก่อให้เกิดความร่วมมือใหม่ ๆ เพื่อประโยชน์สุขแก่ประชาชนทั้งสองฝ่าย  ทั้งนี้ เมื่อปี ๒๕๑๕ หรือสิบปีให้หลังจากการเสด็จ ฯ ในครั้งนั้น ปากีสถานตะวันออกได้ประกาศแยกตัวเป็นเอกราช ในนามสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ และประเทศไทย ก็เป็นประเทศแรก ๆ ที่รับรองบังกลาเทศเป็นประเทศอิสระ ซึ่งได้เจริญความสัมพันธ์ที่งอกงามมาจนถึงปัจจุบัน

 

.............................................

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ