สามทศวรรษแห่งความทรงจำ ในโอกาสครบ ๓๐ ปี แห่งการเสด็จฯ เยือนบังกลาเทศของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

สามทศวรรษแห่งความทรงจำ ในโอกาสครบ ๓๐ ปี แห่งการเสด็จฯ เยือนบังกลาเทศของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

วันที่นำเข้าข้อมูล 27 ก.พ. 2565

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565

| 624 view

สามทศวรรษแห่งความทรงจำ

ในโอกาสครบ ๓๐ ปี แห่งการเสด็จฯ เยือนบังกลาเทศของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

          เมื่อสามสิบปีที่แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จ ฯ เยือนสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศอย่างเป็นทางการ เมื่อครั้งทรงดำรงพระราชอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร นับเป็นการเสด็จฯ เยือนในระดับพระบรมวงศานุวงศ์เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จ ฯ ไปยังกรุงธากาและเมืองจิตตะกองเมื่อปี ๒๕๐๕  ซึ่งในขณะนั้นทั้งสองเมืองยังเป็นส่วนหนึ่งของสาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน ในฐานะปากีสถานตะวันออก แม้เวลาจะล่วงเลยมาหลายทศวรรษแล้วการเสด็จฯ ทั้งสองวาระในปี ๒๕๐๕ และ ๒๕๓๕ ยังเป็นเหตุการณ์สำคัญที่วางรากฐานให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับบังกลาเทศขยายตัวเพิ่มพูนมาถึงปัจจุบัน

          ภายหลังการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อปี ๒๕๑๕ ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ ได้เดินทางมาเยือนไทย ในฐานะพระราชอาคันตุกะ เมื่อปี ๒๕๒๒ และ ๒๕๓๑ ในขณะที่พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกที่เดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ เมื่อปี ๒๕๒๖

          สำหรับการเสด็จฯ เยือนสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นั้นเดิมทางการบังกลาเทศถวายคำแนะนำให้เสด็จฯ ในช่วงระหว่างเดือนตุลาคมถึงธันวาคม ๒๕๓๔ เพราะมีสภาพอากาศที่เย็นสบาย แต่เนื่องจากไม่สามารถหาช่วงเวลาที่เหมาะสมของทั้งสองฝ่ายได้ในปีนั้น  จึงเลื่อนการเสด็จ ฯ เยือนเป็นปีถัดมา ช่วงระหว่างวันที่ ๑๖ - ๒๑ มกราคม ๒๕๓๕

ร.๑๐_Pahapur

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ทอดพระเนตรโบราณสถานทางพุทธศาสนาในบังกลาเทศ

          สถานที่ในหมายกำหนดการสามารถแบ่งเป็นสองส่วน  ส่วนแรกเป็นสถานที่ที่แสดงถึงความสำคัญทางประวัติศาสตร์อันยาวนานและวัฒนธรรมที่หลากหลายของบังกลาเทศ และส่วนที่สองเป็นสถานที่เกี่ยวกับกิจการทหารของบังกลาเทศ

          เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่ของไทยนับถือพุทธศาสนา ทางการบังกลาเทศจึงได้จัดหมายกำหนดการให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จ ฯ ไปทอดพระเนตรโบราณสถานทางพุทธศาสนาหลายแห่ง อาทิ วิหารพาฮาร์ปูร์ หรือเรียกว่าโสมปุระมหาวิหาร ซึ่งเป็นวิหารพุทธที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ  แต่ก่อนใช้เป็นสถานที่ศึกษาพระธรรมของพระภิกษุคล้ายนาลันทาในสาธารณรัฐอินเดีย ปัจจุบันเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมของยูเนสโก รวมทั้งได้เสด็จ ฯ ไปทอดพระเนตรแหล่งโบราณสถานมหาสังการห์ และวัดธรรมราชิกพุทธมหาวิหาร(วัดธรรมราชิกา)  ในกรุงธากา ซึ่งเป็นวัดพุทธแห่งแรกในเมืองหลวงของสาธารณรัฐประชาชนบังคลาเทศ

          เมื่อปี ๒๕๕๓ หรือ ๑๘ ปีหลังจากการเสด็จ ฯ ไปยังวัดธรรมราชิกพุทธมหาวิหาร (วัดธรรมราชิกา) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงถวายพระพุทธรูปปางลีลา สูง ๓๘ ฟุต แก่วัด โดยได้รับการสนับสนุนจากวัดทรงเมตตาวนาราม จังหวัดชลบุรี ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ด้านข้างของสระน้ำประจำวัด และกลายเป็นสัญลักษณ์ที่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไปของวัด

           ด้วยเหตุนี้ พุทธศาสนาจึงเป็นมิติทางวัฒนธรรมที่ช่วยเชื่อมโยงบังกลาเทศกับไทยให้ได้ใกล้ชิดกัน โดยบังกลาเทศเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่กระทรวงการต่างประเทศเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวายในช่วงกฐินกาลหลังออกพรรษา  โดยดำริของนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและเลขาธิการอาเซียน ซึ่งเป็นชาวมุสลิมที่มีวิสัยทัศน์และมีความพร้อมจะขับเคลื่อนการต่างประเทศไทยในทุกมิติ เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมกับชุมชนชาวพุทธในประเทศต่าง ๆ

ร.๑๐_Martyr_Monument

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปลูกต้นไม้เป็นที่ระลึก

ที่อนุสรณ์สถานผู้สละชีพเพื่อชาติ เมืองซาวาร์

          นอกจากศาสนสถานที่สำคัญแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จ ฯ ไปทอดพระเนตรสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และมีทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงาม อาทิ อนุสรณ์สถานผู้สละชีพเพื่อชาติเมืองซาวาร์ โอกาสนี้ ทรงปลูกต้นไม้ที่บริเวณอนุสรณ์สถานฯ ด้วย  และวนอุทยานซุนดาร์บันส์ ซึ่งเป็นป่าชายเลนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก หมายกำหนดการระบุว่า เมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๓๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ประทับเรือพระที่นั่งชานดานี เพื่อทอดพระเนตรป่าชายเลน และเสวยพระกระยาหารกลางวันบนเรือพระที่นั่งด้วย

          สถานที่สำคัญในหมายกำหนดการอีกส่วนหนึ่งคือ สถานที่ทางการทหาร ด้วยพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นนักบินและทรงสำเร็จการศึกษาด้านการทหารจากวิทยาลัยการทหารดันทรูน รวมทั้งทรงเป็นเจ้าฟ้าพระองค์แรกที่ทรงศึกษาในวิทยาลัยเสนาธิการทหาร

          ช่วงที่เสด็จ ฯ เยือนสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ผู้บัญชาการทหารทั้งสามเหล่าทัพของบังกลาเทศ เฝ้า ฯ รวมถึงเสด็จ ฯ ไปทอดพระเนตรการดำเนินงานของหน่วยทหารต่าง ๆ เช่น เมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๓๕ ทรงฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับกิจการทหารอากาศที่ฐานทัพอากาศมาติว ราห์มัน เมืองเจสซอร์ และทอดพระเนตรศูนย์ฝึกอบรมนักบิน ส่วนที่เมืองจิตตะกองซึ่งเป็นเมืองท่าติดชายทะเลอ่าวเบงกอล ได้เสด็จ ฯ ไปที่ฐานทัพเรือและทอดพระเนตรเรือบี เอ็น เอส อาลี ไฮเดอร์

ร.๑๐_Guard_of_Honour

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับการถวายความเคารพจากกองทหารเกียรติยศ

          การแลกเปลี่ยนการเยือนของทั้งสองประเทศช่วยทำให้เพื่อนกลายเป็นมิตรที่ใกล้ชิดและเอื้ออำนวยให้นานาประเทศได้เสริมสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างกัน สามารถนำไปสู่โอกาสในการเพิ่มพูนความร่วมมือที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น การเยือนในทุกระดับล้วนเป็นหมุดหมายสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับบังกลาเทศซึ่งช่วยเสริมสร้างพลวัตและสร้างการขับเคลื่อนความร่วมมือในสาขาต่าง ๆ ให้ก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม

          สามทศวรรษภายหลังการเสด็จ ฯ เยือนสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ประวัติศาสตร์ได้บ่งชัดถึงมิตรภาพที่ผลิดอกออกผลในเวลาต่อมา และคงไม่มีทางใดที่น่ายินดีต่อความสำเร็จดังกล่าวไปกว่าการสานต่อความเคารพนับถือ การมีไมตรีจิต และความจริงใจต่อกันฉันมิตรให้คงอยู่อย่างมั่นคงต่อไป

 

............................................

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ